นาโปลี คว้าชัยชนะครั้งสำคัญเหนือโรม่า ร่วมทีมเอซี มิลาน ในศึกเซเรียอา เดวิด เนเรส ซัดประตูชัยเพียงประตูเดียวจากเกมที่ดุเดือดในนาทีที่ 36 ที่สตาดิโอ โอลิมปิโก ช่วยให้นาโปลีเอาชนะโรม่าไปได้ 1-0
นาโปลี บุกคว้าชัยเหนือโรมา 1-0 ไม่ใช่แค่สามแต้มธรรมดา แต่เป็นชัยชนะที่ส่งพวกเขาขึ้นไปยืนเคียงบ่าเคียงไหล่กับเอซี มิลานบนยอดตารางกัลโช่ เซเรีย อา แบบเต็มภาคภูมิ เกมที่โอลิมปิก สเตเดียม ครั้งนี้เต็มไปด้วยความตึงเครียด การเข้าปะทะหนัก และแท็กติกระดับสูงจากทั้งสองทีม แต่ในท้ายที่สุดประตูเดียวจากดาวิด เนเรส ก็เพียงพอจะทำให้ทีมของอันโตนิโอ คอนเต้ ส่งสัญญาณดังชัดเจนถึงทั้งลีกว่าพวกเขาพร้อมแล้วสำหรับการลุ้นสคูเด็ตโต้อย่างจริงจัง
นาโปลีเก็บเพิ่มเป็น 28 คะแนน เท่ากับเอซี มิลาน เป็นรองเพียงแค่ผลต่างประตู ได้หนึ่งแต้มเหนือโรมาและอินเตอร์ มิลาน ในสถานการณ์ที่หัวตารางอัดแน่นไปด้วยทีมลุ้นแชมป์หลายสโมสร ทุกคะแนนเริ่มมีมูลค่าเหมือนทอง คำว่าพลาดไม่ได้เริ่มดังขึ้นในหัวของทุกคนตั้งแต่ต้นเดือนธันวาคม
คอนเต้พานาโปลีเล่น “เกมเยือนแบบทีมลุ้นแชมป์” ที่โรม
สิ่งที่โดดเด่นที่สุดในเกมนี้ไม่ใช่จำนวนประตู แต่คือวิธีที่นาโปลีจัดการกับบรรยากาศและแรงกดดันในฐานะทีมเยือน คอนเต้พาลูกทีมลงเล่นที่โอลิมปิโกพร้อมแผนการเล่นที่เต็มไปด้วยความมั่นใจ พวกเขาไม่ถอยลงต่ำเกินไป ไม่ได้มาแค่รอผลเสมอ แต่ค่อย ๆ ดันไลน์ขึ้น รอจังหวะสวนกลับในเวลาที่เหมาะสม
ตลอดช่วงครึ่งชั่วโมงแรก โรมาพยายามเร่งจังหวะ หวังใช้เสียงเชียร์ในบ้านกดดัน แต่นาโปลีอ่านเกมได้ดี ปิดพื้นที่แดนกลาง ตัดทางส่งบอลไปยังตัวจบสกอร์ของโรมา ทำให้เจ้าถิ่นแทบไม่มีจังหวะจบแบบจัง ๆ เลย นี่คือภาพของทีมที่ “เล่นด้วยอำนาจและบุคลิก” อย่างที่คอนเต้พูดหลังจบเกม
ประตูทองของเนเรส – คอนเตอร์หนึ่งครั้งที่คมกริบ
ประตูตัดสินเกมเกิดขึ้นในนาทีที่ 36 จากจังหวะที่เป็นเหมือนต้นแบบของการเล่นเกมสวนกลับ นาโปลีเก็บบอลได้ในแดนตัวเอง ก่อนจะเปลี่ยนจากรับเป็นรุกในไม่กี่จังหวะ ราสมุส ฮอยลุนด์ ฉีกตัวเองลงมารับบอลตรงกลางสนามแล้วลากดึงแนวรับโรมาออกจากตำแหน่ง ก่อนแทงทะลุให้ดาวิด เนเรส หลุดเข้าไปในกรอบเขตโทษ
เนเรสไม่ได้ยิงด้วยอารมณ์ แต่ใช้ความนิ่งค่อย ๆ แปบอลเรียดผ่านนายประตูโรมาไปอย่างเฉียบคม นั่นคือประตูที่สามของเขาในซีซั่นนี้ และเป็นประตูที่สะท้อนภาพรวมของนาโปลียุคคอนเต้ได้เป็นอย่างดี – ทีมที่ไม่ต้องบุกใส่ตลอดเวลา แต่ใช้จังหวะสำคัญได้อย่างทรงพลัง
แนวรับเป็นกำแพงเหล็ก ปิดทุกช่องของโรมา
หลังขึ้นนำ 1-0 แผนของนาโปลีชัดเจนยิ่งขึ้น พวกเขายอมถอยลงมารับเป็นระยะ ปรับไลน์กองหลังให้กระชับ ปิดช่องระหว่างเซนเตอร์กับฟูลแบ็ก ไม่ปล่อยให้แนวรุกโรมาได้เล่นบอลทะลุช่องง่าย ๆ
แบ็กไลน์ของนาโปลีเล่นได้อย่างแข็งแกร่ง ทั้งการอ่านเกมดักบอลแรก การตามซ้ำจังหวะสอง รวมถึงการช่วยกันบีบพื้นที่จนโรมาต้องพยายามยิงไกลมากกว่าจะเจาะเข้ากลางได้สำเร็จ ตลอดทั้งเกม โรมาแทบไม่มีจังหวะได้ดวลตัวต่อตัวกับผู้รักษาประตูวานย่า มิลินโควิช ซาวิช เลย
จังหวะที่ลุ้นที่สุดของเจ้าถิ่นเกิดขึ้นช่วงท้ายเกม นาทีที่ 90 เมื่อทอมมาโซ บัลดันซี ได้โอกาสซัดเรียดจากบริเวณเส้นเขตโทษ แต่ซาวิชยังล้มตัวปัดไว้ได้แบบเอาอยู่ เป็นเซฟที่รักษาสามแต้มเต็มให้ทีมได้อย่างน่าประทับใจ
โรมาและความผิดหวังของกัสเปรินี – แพ้ให้คู่แข่งลุ้นแชมป์อีกครั้ง
สำหรับโรมา ความพ่ายแพ้เกมนี้ทำร้ายความรู้สึกมากกว่าตัวเลขคะแนน เพราะนี่คือความพ่ายแพ้ต่อคู่แข่งโดยตรงในการลุ้นแชมป์เป็นครั้งที่สามของฤดูกาล หลังจากก่อนหน้านี้แพ้ทั้งมิลานและอินเตอร์มาแล้ว
จาน ปิเอโร กัสเปรินี ยอมรับหลังเกมว่า โรมาเล่นช้าเกินไป ไม่สามารถรักษาจังหวะบอลให้รวดเร็วเหมือนที่ควรจะเป็น “เราแตะบอลหลายจังหวะเกินไป เมื่อบอลเคลื่อนที่ช้า การเจาะแนวรับที่จัดระเบียบดีอย่างนาโปลีก็แทบเป็นไปไม่ได้” เขากล่าว
ความจริงแล้วโรมาเหมือนจ่ายค่าผลพวงจากการต้องลงเตะเกมยุโรปในวันพฤหัสบดี นักเตะแสดงอาการล้าทั้งในแง่การวิ่งไล่เพรสซิ่งและความเร็วในการตัดสินใจ หลายครั้งจังหวะเชื่อมบอลตรงกลางเหมือนช้าไปหนึ่งสเต็ป ทำให้แนวรับนาโปลีมีเวลาอ่านเกมและสกัดบอลได้อย่างสบายขึ้น
นาโปลีของคอนเต้ – ทีมที่ผ่านพ้น “ช่วงหลุดฟอร์ม” และกลับมาเฉียบคม
ก่อนพักเบรกทีมชาติครั้งล่าสุด นาโปลีเหมือนทีมที่กำลังแตกเป็นเสี่ยง ๆ ทั้งฟอร์มที่แผ่วลง ผลงานไม่คงเส้นคงวา และเสียงวิจารณ์ที่เริ่มดังขึ้น แต่หลังจากคอนเต้มีเวลารีเซ็ตทีม ปรับความสัมพันธ์ในห้องแต่งตัว และปรับจูนแท็กติกบางจุด ทีมก็กลับมาในโหมดเข้มข้นอีกครั้ง
เกมนี้คือภาพของนาโปลีที่ “โต” ขึ้น ทั้งด้านวุฒิภาวะในเกมใหญ่ การคุมอารมณ์ในสนาม การรู้ว่าเมื่อไหร่ควรเร่งจังหวะ และเมื่อไหร่ควรเล่นแบบประคองสกอร์ นี่คือคุณสมบัติของทีมที่พร้อมลุ้นแชมป์ ไม่ใช่แค่ทีมที่เล่นสวยในบางวันแล้วหลุดฟอร์มในอีกวัน
ขาดแข้งสำคัญแต่ยังหาทางชนะ – แท็กติกที่ยืดหยุ่นของคอนเต้
สิ่งที่ทำให้ชัยชนะนัดนี้ยิ่งมีความหมาย คือการที่นาโปลีลงเล่นโดยไม่มีชื่อแข้งตัวหลักหลายคน ทั้งเควิน เดอ บรอยน์ อ็องเดร ฟรองก์ อองกิสซา บิลลี่ กิลมอร์ และโรเมลู ลูกากู ที่เจ็บยาว แต่คอนเต้ยังสามารถผสมผสานแนวรุกให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
เขาเลือกใช้สามประสานแนวรุกอย่างเนเรส โนอา ล็อง และฮอยลุนด์ โดยให้ฮอยลุนด์ยืนเป็นหน้าเป้า ขณะที่อีกสองคนเคลื่อนที่อิสระด้านข้างและระหว่างช่องกองหลัง การเคลื่อนที่สลับตำแหน่งตลอดเวลาทำให้แนวรับโรมาต้องคอยหันซ้ายหันขวา ทำให้เกิดช่องว่างให้ใช้ความเร็วและความเข้าใจเกมโจมตีเข้าใส่
ประตูที่เนเรสยิงได้ก็เกิดจากแนวคิดนี้พอดี ฮอยลุนด์ฉีกตัวเองลงลึก ดึงเซนเตอร์ฝั่งหนึ่งออกจากพื้นที่ แล้วแทงช่องให้เนเรสที่วิ่งสอดเข้าไปแทนตำแหน่งโฉบยิงแบบเฉียบคม
อินเตอร์ มิลาน ยังไม่ยอมหลุดวงโคจรลุ้นแชมป์
ในขณะที่นาโปลีและมิลานยึดหัวตาราง อินเตอร์ มิลานก็ยังเกาะกลุ่มไม่ห่างด้วยการบุกชนะปิซา 2-0 จากผลงานสองประตูของเลาตาโร่ มาร์ติเนซ ในนาทีที่ 69 และ 83
ชัยชนะนัดนี้สำคัญในเชิงสภาพจิตใจอย่างมาก เพราะก่อนหน้านั้นอินเตอร์แพ้แอตเลติโก มาดริด แบบเจ็บปวดในแชมเปียนส์ลีก และเพิ่งแพ้ในเกมดาร์บี้ ทำให้หลายคนเริ่มตั้งคำถามกับฟอร์มของทีม แต่เลาตาโร่ตอบทุกเสียงวิจารณ์ด้วยผลงานในสนาม เขากล่าวกับ DAZN ว่า “ผมปล่อยให้คนอื่นพูดไป สิ่งที่ผมทำคือทุ่มเทเต็มที่เพื่อทีม ตัวเอง และครอบครัว”
สองประตูในเกมนี้ทำให้ยอดรวมประตูของเลาตาโร่ทะลุสองหลักในทุกรายการ และยังช่วยพยุงอินเตอร์ให้คงสถานะเป็นหนึ่งในทีมลุ้นสคูเด็ตโต้อย่างเต็มตัว แม้ฟอร์มโดยรวมในเกมกับปิซาจะยังไม่ไหลลื่นนัก แต่การคว้าสามแต้มในวันที่เล่นไม่ดี คือหนึ่งในคุณสมบัติของทีมใหญ่เช่นกัน
อตาลันต้าเริ่มฟื้น ฟิออเรนติน่ายังจมปลัก
อีกหนึ่งผลการแข่งขันที่น่าจับตา คือชัยชนะของอตาลันต้าเหนือฟิออเรนติน่า 2-0 ภายใต้การคุมทีมของรัฟฟาเอเล ปัลลาดิโน อดีตผู้เล่นของฟิออเรนตินาที่เพิ่งรับงานคุมอตาลันต้าไม่นาน หลังสโมสรแยกทางกับอิวาน ยูริช
สองประตูจากโอดิลอน คอสซูนู และอเดโมล่า ลุคแมน ทำให้อตาลันต้าคว้าชัยเป็นนัดที่สามของฤดูกาลในลีก และต่อยอดฟอร์มอันยอดเยี่ยมจากเกมถล่มไอน์ทรัค แฟรงค์เฟิร์ต ในแชมเปียนส์ลีก ขณะที่ฟิออเรนติน่ายังหาชัยชนะไม่เจอ และต้องดิ้นรนหนีโซนตกชั้นด้วยช่องว่างหกแต้มที่เริ่มน่ากังวลขึ้นทุกสัปดาห์
โบโลญญ่าและการลุ้นแชมป์แบบ “หลายขา” ของเซเรีย อา
ยังมีชื่อของโบโลญญ่าที่พร้อมชิงพื้นที่หัวตาราง หากพวกเขาสามารถเอาชนะเครโมเนเซ่ในคืนวันจันทร์ได้สำเร็จ ทีมของวินเชนโซ อิตาเลียโน่จะขยับคะแนนขึ้นมาเท่ากับโรมาและอินเตอร์ทันที
สถานการณ์นี้ทำให้กัลโช่ เซเรีย อา ฤดูกาลปัจจุบันไม่ได้เป็นการลุ้นแชมป์สองม้าระหว่างมิลานกับมาดอนนิน่าเหมือนหลายปีที่ผ่านมา แต่กำลังก่อตัวเป็นการขับเคี่ยวระหว่างอย่างน้อย 4–5 ทีม ซึ่งทุกการสะดุดเพียงนัดเดียวอาจหมายถึงการถูกแซงทันที
นาโปลีอยู่ตรงไหนบนแผนที่ลุ้นสคูเด็ตโต้นี้
ด้วยฟอร์มล่าสุดและการเล่นที่มีความสมดุลระหว่างเกมรุกกับเกมรับ นาโปลีของคอนเต้เริ่มถูกมองว่าเป็นทีมที่ “ครบเครื่อง” มากที่สุดทีมหนึ่ง พวกเขาแสดงให้เห็นแล้วว่าสามารถรับมือกับเกมใหญ่ในฐานะทีมเยือน เล่นแบบอดทน และรู้วิธีปิดเกมเมื่อได้โอกาส
อย่างไรก็ตาม เส้นทางลุ้นสคูเด็ตโต้อย่างแท้จริงจะถูกตัดสินในช่วงที่โปรแกรมอัดแน่นโดยเฉพาะเมื่อต้องเจอกับยูเวนตุสในสัปดาห์หน้า เกมนั้นไม่เพียงสำคัญในแง่คะแนน แต่ยังสำคัญในแง่ของความเชื่อมั่น หากนาโปลีชนะ พวกเขาจะส่งสัญญาณไปทั้งลีกว่าไม่ได้มาเพียงแค่ยืนเคียงข้างมิลานชั่วคราว แต่พร้อมจะยึดจุดสูงสุดเป็นของตัวเอง
เกมเดียวที่สะท้อนภาพรวมของทั้งฤดูกาล
ชัยชนะ 1-0 เหนือโรมาอาจดูเรียบง่ายในสายตาคนที่เห็นแค่สกอร์ แต่สำหรับคนที่ติดตามรายละเอียดของเกม จะเห็นว่าแมตช์นี้เต็มไปด้วยสัญญาณหลายอย่าง ทั้งความแน่นของแนวรับนาโปลี การจัดการเกมของคอนเต้ การตอบสนองที่ช้าไปครึ่งจังหวะของโรมา รวมถึงการที่หัวตารางของเซเรีย อา เริ่มแคบลงทุกที
นี่คือฤดูกาลที่เสน่ห์ของฟุตบอลอิตาลีกลับมาเต็มตัว เกมรับที่เหนียวแน่นยังมีบทบาท แต่ถูกผสมด้วยไอเดียเกมรุกแบบสมัยใหม่ การเคลื่อนที่ยืดหยุ่นของแนวรุก และการหมุนเวียนผู้เล่นเพื่อรับมือโปรแกรมถี่ ๆ ในทุกสัปดาห์ แฟนบอลจึงมีอะไรให้ลุ้นแทบทุกนัด ทั้งในแง่ผลการแข่งขันและในมิติแท็กติกที่ผู้จัดการทีมแต่ละคนงัดมาใช้
ถ้าคุณชอบวิเคราะห์เกมใหญ่แบบโรมา–นาโปลี ชอบดูจังหวะเปลี่ยนเกมและผลกระทบต่อการลุ้นแชมป์ การนำข้อมูลเหล่านี้ไปต่อยอดในการตัดสินใจบน ufa169 จะช่วยให้ทุกแมตช์ในเซเรีย อา มีความหมายมากกว่าการเชียร์ทีมโปรดเพียงอย่างเดียว เลือกคู่ที่ใช่ วางแผนการเล่นให้ดี แล้วปล่อยให้ทุกค่ำคืนฟุตบอลกลายเป็นโอกาสใหม่ของคุณบนเว็บเดียวกันนี้
