เกมบิ๊กแมตช์ บาร์เซโลน่า 3-1 แอตเลติโก มาดริด ufa365

เกมบิ๊กแมตช์

เกมบิ๊กแมตช์ บาร์เซโลน่า 3-1 แอตเลติโก มาดริด คัมแบ็กสุดโหด เปดรียืนหนึ่ง พาทีมหนีจ่าฝูง 4 แต้ม ufa365

เกมบิ๊กแมตช์ ค่ำคืนที่คัมป์ นูแห่งใหม่เต็มไปด้วยดราม่าทั้งเกม บาร์เซโลน่าต้องเจอบททดสอบใหญ่เมื่อโดนแอตเลติโก มาดริด บุกมานำก่อน แต่สุดท้ายกลายเป็นอีกหนึ่งค่ำคืนที่แฟนเจ้าบุญทุ่มจะไม่มีวันลืม เมื่อทีมรักคัมแบ็กยิงสามลูกรวด แซงชนะ 3-1 พร้อมขยับหนีเป็นจ่าฝูงลา ลีกา ทิ้งห่างอันดับสองออกไปเป็น 4 คะแนน และสำคัญกว่านั้นคือการแสดงให้เห็นถึง “คาแรกเตอร์ทีมลุ้นแชมป์” แบบเต็มตัว

แม้สกอร์สุดท้ายจะดูหรู แต่ต้องยอมรับว่าช่วงต้นเกม บาร์ซ่าเองก็เจอความกดดันไม่น้อย โดยเฉพาะจากลูกชิ่งเร็วและการวิ่งตัดไลน์ของแนวรุกทีมตราหมี ที่ใช้จุดอ่อนเรื่องไลน์กองหลังสูงของฮันซี่ ฟลิคได้อย่างเจ็บปวด ทว่าพอผ่านช่วงตั้งหลักไปได้ ทีมเจ้าถิ่นก็เริ่มค่อย ๆ คุมจังหวะ สะสมโอกาส และท้ายที่สุดก็ปิดเกมได้อย่างเด็ดขาดในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ

ตราหมีลงโทษไลน์สูงของบาร์ซ่าก่อน จากลูกง้างเท้าสุดเฉียบของบาเอน่า

ประตูแรกของเกมเกิดขึ้นในนาทีที่ 19 และเป็นฝั่งแอตเลติโก มาดริด ที่ลงโทษจุดอ่อนของบาร์ซ่าได้อย่างเฉียบคม จังหวะนี้แนวรับเจ้าบ้านดันขึ้นมาสูงจนเกือบทั้งแผงยืนอยู่ในแดนคู่แข่ง ตามปรัชญาเพรสสูงแบบฮันซี่ ฟลิค แต่กลับกลายเป็นดาบสองคมเมื่อแนวรับทีมเยือนได้บอลเคลียร์แล้วง้างยาวทันที

นาฮูเอล โมลิน่า เห็นช่องว่างด้านหลังแนวรับบาร์ซ่าเลยโยนบอลยาวแบบพุ่งโค้งไปให้ อเล็กซ์ บาเอน่า วิ่งทะลุช่องหลุดเดี่ยวเข้าไป บาเอน่าควบบอลเข้าเขตโทษด้วยความมั่นใจ ก่อนใช้ด้านนอกเท้าปัดบอลลอยผ่านโจน การ์เซีย ที่ออกมาบีบมุมให้แคบลง แต่ยังโดนชิพข้ามอย่างพอดี บอลกระดอนหนึ่งจังหวะแล้วค่อย ๆ ไหลเข้าประตูไปอย่างเหนือชั้น เป็นประตูที่ทั้งสวยและแสดงให้เห็นถึงการบ้านที่ดีของทีมตราหมี

ประตูนี้สะท้อนชัดเจนว่า เกมรับไลน์สูงของบาร์ซ่าถ้าไม่มีการประสานงานที่เป๊ะในเรื่องระยะห่างกับผู้รักษาประตู และจังหวะดันกับถอย จะโดนลงโทษได้ทุกเมื่อ โดยเฉพาะกับทีมที่มีตัวรุกสปีดจัดและจบสกอร์นิ่งอย่างแอตเลติโก

เปดรีเปิดเครื่องควบคุมเกม แรฟินญ่าช่วยตีเสมอแบบสุดนิ่ง

ข้อดีของบาร์ซ่าชุดนี้คือ “ไม่ตื่นตระหนก” แม้จะโดนนำในบ้าน เพียงหกนาทีหลังจากนั้น เจ้าบุญทุ่มก็กลับเข้าสู่เกมได้จากความเยือกเย็นของสองคีย์แมนแดนกลาง–แดนหน้า อย่างเปดรีและแรฟินญ่า

เปดรีได้รับบอลในแดนตัวเองแบบไม่มีตัวบีบมากนัก ซึ่งเป็นความผิดพลาดในการตั้งโซนของแอตเลติโก เขาใช้เวลาประเมินช่องว่างสั้น ๆ ก่อนพาบอลเดินไปข้างหน้าด้วยจังหวะก้าวที่นิ่งแล้วแทงทะลุช่องไปให้แรฟินญ่าวิ่งสอดระหว่างดาบิด ฮานชโก้ และเกลม็อง ล็องเลต์

แรฟินญ่าควบบอลเข้าเขตโทษแบบไม่ชะงักให้กองหลังได้ตั้งตัว จังหวะสุดท้ายแตะหลบยาน โอบลัค ที่พุ่งออกมาปิดมุมอย่างรวดเร็ว ก่อนใช้ขวาแปโล่ง ๆ เข้าไป เป็นประตูที่แสดงให้เห็นทั้งความเฉียบคม และความเข้าใจกันของเพลย์เมคเกอร์กับตัวจบสกอร์แบบเต็ม ๆ

จังหวะนี้ไม่ใช่แค่การตีเสมอ แต่เป็นการดึงโมเมนตัมเกมกลับมาให้บาร์เซโลน่าเต็มตัว กองเชียร์ในสนามเปล่งเสียงดังขึ้น เกมเพรสสูงเริ่มมีพลัง และผู้เล่นแอตเลติโกก็เริ่มต้องถอยไปตั้งบล็อกลึกมากขึ้น

จุดโทษที่หลุดกรอบของเลวานดอฟสกี้ โมเมนตัมที่เกือบหาย แต่ยังไม่พัง

อีกหนึ่งจุดเปลี่ยนสำคัญของครึ่งแรกคือจังหวะที่บาร์เซโลน่าได้จุดโทษจากการที่ดานี่ โอลโม่โดนปาโบล บาร์ริออสทำฟาวล์ในเขตโทษ กรรมการชี้ไปที่จุดโทษทันที และแน่นอนว่าคนที่เดินมารับหน้าที่สังหารคือ โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้

ทุกคนในสนามคาดว่าจะได้เห็นสกอร์พลิกเป็น 2-1 ก่อนพักครึ่ง แต่กลับกลายเป็นว่าหัวหอกตัวเก๋าของเจ้าบุญทุ่มดันยิงหลุดกรอบแบบไม่น่าเชื่อ ลูกบอลพุ่งแรงแต่เหินข้ามคานไปทางซ้าย ชนิดที่โอบลัคทำได้แค่พุ่งมอง

จังหวะนี้ถ้าเป็นบาร์เซโลน่าในบางช่วงหลายปีที่ผ่านมา อาจทำให้ทั้งทีมเสียความมั่นใจ แล้วปล่อยให้เกมไหลไปเข้าทางคู่แข่ง แต่สิ่งที่เราเห็นจากทีมของฟลิคในเกมนี้คือ ทุกคนยังคงเล่นตามแผนต่อ ไม่ท้อ ไม่เร่งเกมจนเละ พยายามเซ็ตบอลใหม่ และใช้บอลบนพื้นกับการเคลื่อนที่หาช่องตัดแนวรับตราหมีอย่างมีวินัย

ครึ่งหลังบาร์ซ่าบุกหนัก ก่อนโอลโม่ปิดจังหวะสุดเนียน

เปิดครึ่งหลังมา บาร์เซโลน่าแทบจะตั้งแคมป์ในแดนแอตเลติโก เกมรุกของพวกเขาไหลลื่นจากซ้ายไปขวา เปลี่ยนจังหวะสั้น–ยาวได้หลากหลาย และใช้ตำแหน่งของเปดรีเป็นศูนย์กลางในการพาบอลผ่านแนวรับหลายชั้นของทีมเยือน

ประตู 2-1 ที่มาในนาทีที่ 65 จึงเหมือนสิ่งที่ทุกคนรออยู่ เปดรีจ่ายบอลเข้ากลางให้ดานี่ โอลโม่หน้ากรอบเขตโทษ แล้วโอลโม่ก็เล่นชิ่งเร็วกับเลวานดอฟสกี้ได้อย่างลงตัว รับบอลคืนในจังหวะวิ่งทะลุเข้าเขตโทษ ก่อนใช้เท้าซ้ายปาดยิงหักข้อไปเสาไกล บอลพุ่งเรียดหนีมือโอบลัคเสียบมุมอย่างเฉียบคม เป็นประตูที่สะท้อนคอนเซ็ปต์ “ทีมเพลย์” ของบาร์เซโลน่าได้ชัดเจนที่สุดลูกหนึ่งของเกมนี้

ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา เกมเหมือนถูกล็อกให้บาร์ซ่าอยู่เหนือกว่า ทั้งในแง่การครองบอล การสร้างโอกาส และการบีบให้แอตเลติโกต้องหาจังหวะสวนกลับโดยอาศัยการวิ่งตัดหลังไลน์สูงเหมือนเดิม ซึ่งแม้จะมีโอกาสจะแจ้งอีกครั้งจากบาเอน่า และช็อตหลุดเดี่ยวของติอาโก้ อัลมาด้า แต่ก็จบไม่ได้

ตราหมีพยายามสวนกลับ แต่ยิงไม่คม และเจอการ์เซียช่วยเซฟชีวิต

แม้สกอร์จะตามหลัง แอตเลติโก มาดริดต่อสู้จนถึงนาทีท้าย ๆ พวกเขายังวางบอลยาวเบียดใช้หลังแนวรับของบาร์ซ่าให้ทำงานหนักอยู่ตลอด ทั้งการจ่ายของโมลิน่า อัลมาด้า และบาเอน่า ที่วนเวียนหาโอกาสหลุดกับไลน์สูง

โจน การ์เซีย ต้องออกแรงช่วยทีมเจ้าบ้านหลายครั้ง โดยเฉพาะเซฟลูกหลุดเดี่ยวของบาเอน่าในครึ่งแรกที่ช่วยไม่ให้เกมไหลเป็น 0-2 และเซฟอีกสองสามจังหวะจากการยิงนอกกรอบในครึ่งหลัง ถ้าเกมนี้บาร์เซโลน่ามีแต่เกมรุกโดยไม่มีผู้รักษาประตูยืนระดับนี้ ผลการแข่งขันอาจกลับกันได้ไม่ยาก

แอตเลติโกเคยเป็นทีมที่ขึ้นชื่อเรื่องวินัยเกมรับและการปิดประตูคู่แข่งให้สนิท แต่ในเกมนี้พวกเขากลับปล่อยให้บาร์ซ่าสร้างโอกาสได้ถึง 19 ครั้ง และโดนเปิดพื้นที่กลางสนามบ่อยกว่าปกติ แถมยังต้องรับมือกับการโอเวอร์โหลดของบาร์ซ่าที่ใช้ทั้งฟูลแบ็กและตัวรุกข้างบีบให้แนวรับตราหมีต้องยืนต่ำมากกว่าที่ดิเอโก้ ซิเมโอเน่ต้องการ

ประตูย้ำชัยนาที 96 แฟร์รานปิดบัญชีจากการประสานงานทางซ้าย

ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ เมื่อแอตเลติโกพยายามดันสูงเพื่อหวังตีเสมอ ก็ยิ่งถูกบาร์เซโลน่าใช้ช่องว่างด้านหลังลงโทษมากขึ้น ประตู 3-1 ในนาทีที่ 96 เกิดจากการเซ็ตบอลทางฝั่งซ้ายอย่างอดทน เริ่มจากการหมุนบอลไปรอบ ๆ ก่อนทำชิ่งระหว่างมาร์คัส แรชฟอร์ด กับอเลฆานโดร บัลเด้

บัลเด้ได้โอกาสเติมขึ้นสูงแล้วเปิดบอลเรียดเข้ากลางไปที่แฟร์ราน ตอร์เรส ซึ่งวิ่งสอดเข้ามาในพื้นที่โล่งอย่างมีเวลา แตะบอลหนึ่งครั้งแล้วซัดเรียดเสียบเสาไกลแบบไม่เหลือ เป็นการยิงปิดเกมที่ทำให้ทั้งสนามโล่งใจ และยืนยันว่าชัยชนะเกมนี้สมควรเป็นของบาร์เซโลน่าอย่างแท้จริง

เปดรี หัวใจแดนกลาง และแมน ออฟ เดอะ แมตช์ แบบไร้ข้อโต้แย้ง

หากต้องเลือกชื่อเดียวว่าใครคือคนสำคัญที่สุดของเจ้าบุญทุ่มในเกมนี้ คงหนีไม่พ้น เปดรี มิดฟิลด์ดาวรุ่งที่เพิ่งกลับมาจากอาการบาดเจ็บแต่เล่นเหมือนไม่เคยหายไปจากทีม เขาคือคนเริ่มต้นจังหวะบุกแทบทุกครั้ง เป็นคนจ่ายคีย์พาสให้แรฟินญ่าตีเสมอ และยังมีส่วนในจังหวะขึ้นเกมสู่ประตูของโอลโม่

ตลอด 74 นาทีในสนาม เปดรีสร้างโอกาสได้ถึง 3 ครั้ง ตัวเลขนี้สะท้อนให้เห็นเพียงส่วนหนึ่ง แต่สิ่งที่สำคัญกว่าคือ ความนิ่ง และ การอ่านเกม ของเขา ที่ช่วยให้บาร์ซ่าคอนโทรลจังหวะได้อย่างอยู่หมัด ไม่เร่งเกมจนพลาดง่าย และไม่ชะลอจนเปิดโอกาสให้ตราหมีกลับมาบีบแย่งบอลง่าย ๆ

การได้เปดรีในฟอร์มแบบนี้กลับมา ถือเป็นข่าวดีมหาศาลสำหรับฮันซี่ ฟลิค เพราะมันทำให้แดนกลางของเขาดูมีสมดุลระหว่างการสร้างสรรค์เกมและการเชื่อมจังหวะจากหลังไปหน้าแบบลื่นไหลขึ้นอีกระดับ

สถิติเกม: บาร์ซ่าคุมเกม แต่ยังมีบทเรียนให้แก้

ตัวเลขหลังเกมยิ่งตอกย้ำภาพที่เราเห็นในสนาม

  • การครองบอล: บาร์เซโลน่า 58% – 42% แอตเลติโก มาดริด
  • ยิงทั้งหมด: บาร์เซโลน่า 19 ครั้ง – 7 ครั้งแอตเลติโก
  • ยิงเข้ากรอบ: บาร์เซโลน่า 6 – 2
  • เตะมุม: บาร์เซโลน่า 5 – 4
  • ฟาวล์: บาร์เซโลน่า 12 – 9

บาร์ซ่าสร้างโอกาสได้เยอะมาก แต่เปลืองโอกาสไปไม่น้อย โดยเฉพาะในช่วงที่กดคู่แข่งอยู่ข้างเดียว ถ้าแอตเลติโกเฉียบคมกว่านี้ หรือได้ประตูที่สองก่อน เกมอาจพลิกทิศทางไปอีกแบบหนึ่ง ซึ่งนี่เป็นสิ่งที่ฟลิคต้องนำไปปรับ ทั้งในเรื่องการปิดเกม และการไม่เปิดพื้นที่แนวหลังมากเกินจำเป็น

ผลต่อการลุ้นแชมป์ และโปรแกรมถัดไป

ชัยชนะเกมนี้ทำให้บาร์เซโลน่าหนีห่างทีมตามหลังในตารางลา ลีกาออกไปเป็น 4 คะแนน เสริมความมั่นใจอย่างมากในการเดินหน้าลุ้นแชมป์ต่อไป โดยโปรแกรมข้างหน้าคือเกมลีกกับเรอัล เบติสในวันเสาร์ ก่อนจะหันไปโฟกัสในถ้วยยุโรปกับไอน์ทรัค แฟรงก์เฟิร์ตในศึกแชมเปียนส์ลีกกลางสัปดาห์

ส่วนแอตเลติโก มาดริด ต้องรีบลืมความผิดหวังให้เร็วที่สุด พวกเขายังมีโปรแกรมนอกบ้านรออยู่ต่อเนื่อง ทั้งบิลเบาในลีก และพีเอสวี ไอนด์โฮเฟ่นในยุโรป หากไม่รีบยกระดับเกมรับกลับสู่มาตรฐานเดิม เส้นทางในทุกรายการอาจยุ่งยากกว่าที่ควรจะเป็น

ถ้าคุณชอบเกมบิ๊กแมตช์ที่มีทั้งแท็กติกเข้มข้นและดราม่าจนถึงนาทีสุดท้าย แล้วอยากเปลี่ยนการดูบอลเฉย ๆ ให้กลายเป็นการลุ้นแบบมีชั้นเชิง ลองศึกษาอัตราต่อรอง สถิติ และแนวโน้มจากหลายลีกผ่าน ufa365 ช่องทางสำหรับคอบอลที่อยากใช้ข้อมูลวิเคราะห์ก่อนตัดสินใจเดิมพัน เพราะทุกเกมใหญ่อย่างบาร์เซโลน่า แอตเลติโก อาจไม่ได้ให้แค่ความมันส์ในสนาม แต่ยังซ่อนโอกาสทำกำไรเล็ก ๆ ให้แฟนบอลที่มองเกมขาดด้วยเช่นกัน