โคล พัลเมอร์ คืนสนาม ตัวจริงนัดเยือนลีดส์ วิเคราะห์สองมุมมอง 11 ตัวจริง เชลซี ก่อนบุกเอลแลนด์ โร้ด ufa365
11 ตัวจริง เชลซีเดินทางไกลสู่ยอร์กเชียร์ในวันพรุ่งนี้ เพื่อพบกับลีดส์ ยูไนเต็ด ที่สนามเอลแลนด์ โร้ด โดยเดอะบลูส์หวังจะกลับมาคว้าชัยชนะในพรีเมียร์ลีกอีกครั้ง
การบุกเยือนเอลแลนด์ โร้ด ไม่เคยเป็นงานง่ายสำหรับทีมใหญ่ในพรีเมียร์ลีก และสำหรับเชลซีของเอ็นโซ่ มาเรสก้า เกมกลางสัปดาห์นี้ยิ่งสำคัญเป็นพิเศษ เพราะนอกจากจะต้องรีบลืมความเหนื่อยล้าจากเกมใหญ่ที่เสมอกับอาร์เซนอล 1–1 ไปให้ได้แล้ว ยังต้องเก็บสามแต้มเพื่อไม่ให้หลุดจังหวะจากกลุ่มหัวตารางในช่วงโค้งสำคัญของฤดูกาลด้วย
อีกหนึ่งประเด็นที่ทำให้เกมนี้ถูกจับตามองคือการคาดการณ์ว่า โคล พัลเมอร์ มีโอกาสสูงจะได้ลงเล่นเป็นตัวจริงเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 2 เดือน หลังจากหายเจ็บต้นขาและนิ้วเท้า และถูกเก็บเป็นเพียงตัวสำรองที่ไม่ได้ใช้งานในเกมกับอาร์เซนอลที่ผ่านมา การได้เห็นพัลเมอร์กลับมาเดินเกมอีกครั้ง ถือเป็นข่าวดีอันดับต้น ๆ ของแฟนสิงห์บลูในช่วงที่ทีมต้องโรเตชันอย่างหนัก
บทวิเคราะห์จากนักเขียนสองคนของสื่อดังในอังกฤษอย่าง Bobby Vincent และ Sam Truelove จึงน่าสนใจเป็นพิเศษ เพราะทั้งคู่ต่างลอง “สวมบทมาเรสก้า” แล้วจัด 11 ตัวจริงในแบบที่ตัวเองคิดว่าเหมาะสมที่สุดสำหรับเกมเยือนลีดส์ ยูไนเต็ดครั้งนี้
ตารางแน่น เกมหนัก และโจทย์ใหญ่ของมาเรสก้า
โปรแกรมของเชลซีในสัปดาห์นี้จัดว่าหนักและถี่ ทั้งยังต้องเจอทีมที่เล่นใช้พละกำลังเยอะอย่างลีดส์ แถมยังมีเกมกับบอร์นมัธรออยู่ในสุดสัปดาห์อีก มาเรสก้าจึงแทบจะเลี่ยงการโรเตชันไม่ได้
เกมกับอาร์เซนอลเป็นหนึ่งในแมตช์ที่ใช้พลังงานสูงสุดของฤดูกาล เชลซีต้องเล่นด้วยความเข้มข้นทั้งเกม แถมยังต้องเสีย มอยเซส ไกเซโด้ ไปจากใบแดง ทำให้ตำแหน่งมิดฟิลด์ตัวรับต้องปรับเปลี่ยนจำเป็นทันที นี่ยังไม่นับอาการล้าที่สะสมของแนวรับตัวหลักอย่าง รีซ เจมส์, เวสลีย์ โฟฟาน่า และบรรดาแนวรุกที่วิ่งไล่เพรสแทบไม่หยุด
ในบริบทแบบนี้ การจัดตัวจึงกลายเป็นด่านทดสอบอีกขั้นของมาเรสก้า ว่าเขาจะบาลานซ์ระหว่าง “ผลการแข่งขัน” กับ “สภาพร่างกายผู้เล่น” ได้ดีแค่ไหน
มุมมองของ Bobby Vincent พักเจมส์ พักโฟฟาน่า เปิดทางเด็กดันและตัวสำรองคุณภาพ
Bobby Vincent เลือกมองในมุมของการ “รักษาความสด” เป็นหลัก เขามองว่าด้วยระดับความกรำศึกจากเกมกับอาร์เซนอล ทำให้การเสี่ยงใช้งาน รีซ เจมส์ ต่อเนื่องแบบ 90+ นาทีซ้อนนั้นอาจไม่คุ้ม โดยเฉพาะเมื่อเจมส์มีประวัติอาการบาดเจ็บให้ต้องระมัดระวัง
ในสายตาของ Bobby เกมนี้เป็นโอกาสดีที่จะให้เจมส์ได้พักบ้าง และเปิดทางให้ จอช อาเชมปง ลงมารับบทแบ็กขวา พร้อมกับให้ เวสลีย์ โฟฟาน่า หยุดพักเพื่อป้องกันอาการล้าสะสม โดยจับ ชาโลบาห์ ลงมาเป็นแกนหลักในแนวรับ นอกจากนี้เขายังอยากให้ มาร์ก กูกูเรย่า ได้พักอีกคน พร้อมผลักดันให้ จอร์เรล ฮาโตะ แบ็กซ้ายดาวรุ่งมีเวทีได้พิสูจน์ตัวเอง
ในแดนกลาง Bobby เห็นตรงกับหลายคนว่า อันเดรย์ ซานโตส คือคนที่เหมาะจะรับช่วงต่อจากไกเซโด้ในฐานะมิดฟิลด์ตัวรับร่วมกับ เอ็นโซ่ แฟร์นันเดซ เพราะผลงานในเกมก่อน ๆ แสดงให้เห็นแล้วว่าเขาพร้อมสำหรับเวทีพรีเมียร์ลีก ทั้งวิ่งเก็บกวาด ดักบอล และเชื่อมเกมแบบเรียบง่ายแต่มีประสิทธิภาพ
ส่วนแนวรุก Bobby เลือกสามประสานริมเส้นและเพลย์เมกเกอร์ได้อย่างน่าสนใจ ใส่ชื่อ เปโดร เนโต้ ยืนฝั่งขวา, อเลฮานโดร การ์นาโช่ ยืนซ้าย และให้ โคล พัลเมอร์ รับบทหมายเลข 10 คอยคุมจังหวะเกมรุกอยู่หลังกองหน้าตัวเป้าอย่าง เลียม เดลาป
สำหรับ Bobby แล้ว เกมกับลีดส์คือโอกาสทองของพัลเมอร์ที่จะได้ลงสนาม 45–60 นาทีในสภาพที่ไม่หักโหมเกินไป แต่เพียงพอจะเรียกความคม ความมั่นใจ และจังหวะการเล่นคืนมา ก่อนกลับไปแบกภาระเกมใหญ่ในนัดต่อ ๆ ไป
ไลน์อัพของ Bobby:
Sanchez; Gusto, Acheampong, Chalobah, Hato; Santos, Fernandez; Neto, Palmer, Garnacho; Delap
มุมมองของ Sam Truelove ใช้เจมส์ต่อเนื่อง เพราะกุสโต้ก็เจ็บง่ายเหมือนกัน
ฝั่งของ Sam Truelove เลือกมองต่างออกไปเล็กน้อย เขาเห็นว่าถึงแม้หลายคนอยากให้รีซ เจมส์ พัก แต่ในทางปฏิบัติแล้ว ตัวเลือกอย่าง มาโล กุสโต้ เองก็มีประวัติอาการบาดเจ็บไม่น้อยเช่นกัน การโยนภาระให้กุสโต้เป็นตัวจริงในเกมแบบนี้อาจเสี่ยงไม่ต่างกัน
Sam จึงเชื่อว่า หากเจมส์ยังฟิตดีและไม่มีอาการตึงใด ๆ เกมนี้ก็อาจเป็นอีกครั้งที่เขายืนแบ็กขวาต่อไป โดยให้ ชาโลบาห์ ยืนเซ็นเตอร์คู่กับ ตอซิน อดาเราไบโย และใช้ มาร์ก กูกูเรย่า ยืนแบ็กซ้ายเหมือนเดิม เพื่อรักษาโครงสร้างเกมรับที่ลงตัวอยู่แล้ว
ในแผงมิดฟิลด์ Sam ก็เห็นตรงกับ Bobby ในเรื่อง อันเดรย์ ซานโตส ว่าเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุดในการแทนตำแหน่งไกเซโด้ที่ติดโทษแบน โดยให้ยืนคู่กับ เอ็นโซ่ แฟร์นันเดซ เพื่อสร้างสมดุลระหว่างการตัดเกมและการต่อบอลสั้นขึ้นหน้า
แนวรุกของ Sam จัดชุดที่ “กล้าเสี่ยงพอสมควร” ด้วยการให้ โคล พัลเมอร์ ยืนกลางรุกเหมือนกัน มี เปโดร เนโต้ ทำเกมทางขวา และเลือกใช้ อเลฮานโดร การ์นาโช่ ประจำการฝั่งซ้าย ขณะที่ศูนย์หน้าตัวยืนยังคงเป็น เลียม เดลาป เช่นเดิม
Sam มองว่าการให้พัลเมอร์ออกสตาร์ทตั้งแต่นาทีแรก แต่จำกัดเวลาลงเล่นราว 45 นาที เป็นวิธีที่ดีในการค่อย ๆ คืนจังหวะให้เขาโดยไม่เสี่ยงเกินไป หากเกมขึงหรือต้องการปรับแท็กติก ก็ยังสามารถเปลี่ยนเป็นกองกลางประเภทอื่นลงมาช่วยเก็บบอลหรือเติมความสดได้ในครึ่งหลัง
ไลน์อัพของ Sam:
Sanchez; James, Chalobah, Tosin, Cucurella; Fernandez, Santos; Neto, Palmer, Garnacho; Delap
จุดร่วมสำคัญ: ซานโตสแทนไกเซโด้ และพัลเมอร์ต้องได้เล่น
แม้ Bobby และ Sam จะมีมุมมองต่างกันในเรื่องการพักหรือไม่พักรีซ เจมส์ รวมถึงการใช้แนวรับคนไหน แต่ก็มี “จุดร่วมสำคัญ” อยู่สองเรื่องที่สอดคล้องกันอย่างชัดเจน
หนึ่งคือ ทั้งคู่เห็นตรงกันว่า อันเดรย์ ซานโตส ควรได้ลงเล่นแทนไกเซโด้ในเกมนี้ ไม่ใช่เพราะไม่มีตัวเลือกอื่น แต่เพราะผลงานช่วงหลังของเขาแสดงให้เห็นชัดว่าอ่านเกมได้ดี วิ่งช่วยเพรส ซ้อนพื้นที่ และเชื่อมบอลจากหลังขึ้นกลางได้อย่างเป็นธรรมชาติ จนหลายคนเริ่มมองว่าเขาอาจกลายเป็นชิ้นส่วนสำคัญคนใหม่ของเชลซีในระยะยาว
สองคือ ทั้ง Bobby และ Sam เชื่อว่าถึงเวลาแล้วที่ โคล พัลเมอร์ จะต้องกลับมาเป็นตัวจริง ไม่ว่าจะเล่นในบทบาทหมายเลข 10 แบบเพลย์เมกเกอร์หลังหน้าเป้า หรือขยับไปเล่นด้านขวาในบางช่วงของเกม สิ่งสำคัญคือการให้เขาได้สัมผัสบอลบ่อย ๆ และกลับมามีส่วนร่วมกับจังหวะเข้าทำของทีมอีกครั้ง
พัลเมอร์คือหนึ่งในนักเตะที่ทรงอิทธิพลที่สุดของเชลซี ทั้งในแง่การสร้างโอกาส การยิงประตูเอง และการรับผิดชอบจุดโทษ กว่า 2 เดือนที่ไม่มีเขาในสนาม ทำให้เกมรุกของเชลซีดูขาดคนที่สามารถ “เปลี่ยนจังหวะ” ได้ในพริบตา การได้เขากลับมาจึงเปรียบเหมือนการได้ตัวช่วยชั้นยอดกลับมาวางตรงกลางกระดานหมากรุกอีกครั้ง
การ์นาโช่ การตัดสินใจที่สะท้อนแนวทางกล้าเล่นเกมรุก
ทั้งสองไลน์อัพยังมีอีกหนึ่งชื่อร่วมกันคือ อเลฮานโดร การ์นาโช่ ในตำแหน่งปีกซ้าย การเลือกการ์นาโช่คือการส่งสัญญาณว่า เชลซีไม่คิดจะไปเยือนเอลแลนด์ โร้ดแบบตั้งรับเต็มสูบ แต่ต้องการใช้ความเร็วและความกล้าของเขาโจมตีแนวรับลีดส์
การ์นาโช่เป็นผู้เล่นที่กล้าเลี้ยง กล้าลากตัดเข้าใน และชอบจบสกอร์เอง หากจับคู่กับพัลเมอร์และเนโต้ในแนวรุก เชลซีจะมีตัวรุกสามคนที่สามารถเปลี่ยนรูปแบบการเข้าทำได้หลายมิติ ทั้งการต่อบอลสั้น การแทงทะลุช่อง และการยิงไกล
ลีกอังกฤษขึ้นชื่อเรื่องสนามเยือนที่บรรยากาศกดดัน และเอลแลนด์ โร้ดคือหนึ่งในนั้น แต่การมีแนวรุกที่ไม่กลัวเสียงโห่และพร้อมเล่นเกมสวนกลับความเร็วสูง จะช่วยให้เชลซีมีอาวุธพิเศษความเร็วด้านข้างเพียงพอรับมือแรงกดดันจากลีดส์
เดลาป หมายเลข 9 ที่ต้องพิสูจน์ตัวเองในเกมใหญ่
อีกหนึ่งจุดที่ทั้ง Bobby และ Sam เห็นตรงกันคือ การส่ง เลียม เดลาป ลงเล่นเป็นกองหน้าตัวเป้า เดลาปอาจยังไม่ได้ยิงกระจายระดับหัวตาราง แต่ในแง่สไตล์ เขาเป็นกองหน้าที่วิ่งไม่มีหมด ไล่เพรสแนวรับคู่แข่งและเป็นกำแพงพักบอลชั้นดี
ในเกมเยือนแบบนี้ การมีศูนย์หน้าที่ไม่กลัวดวลตัวต่อตัวกับเซ็นเตอร์คู่แข่ง ทั้งชน ทั้งชนะแรงปะทะ และพร้อมไล่กดดันตั้งแต่จังหวะเริ่มบิลด์จากหลังของลีดส์ จะช่วยให้แผนเพรสซิ่งของมาเรสก้าทำงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
เมื่อผนวกกับการมีพัลเมอร์ยืนคอยแทงทะลุช่อง และปีกอย่างเนโต้–การ์นาโช่ เติมขึ้นมาซ้อนโซนสอง เดลาปจึงกลายเป็นจุดยึดที่สำคัญไม่แพ้ใครในโครงสร้างเกมรุก
เกมนี้ไม่ใช่แค่สามแต้ม แต่คือบททดสอบความลึกของทีมเชลซี
ในภาพรวม เกมเยือนลีดส์ครั้งนี้ไม่ใช่เพียงแมตช์ที่เชลซีต้องการชัยชนะเพื่อเก็บสามแต้มเท่านั้น แต่ยังเป็นบททดสอบว่าทีมของมาเรสก้ามี “ความลึกของขุมกำลัง” มากพอจะรับมือกับโปรแกรมถี่และสถานการณ์ตัวหลักบาดเจ็บ–ติดโทษแบนได้แค่ไหน
ถ้าเจมส์ได้พักแล้วคนอย่างอาเชมปงหรือชาโลบาห์ทำหน้าที่แทนได้ดี นั่นคือสัญญาณว่าทีมไม่ได้พึ่งพาใครคนใดคนหนึ่งมากเกินไป ถ้าซานโตสลงมาคุมกลางแทนไกเซโด้ได้อย่างไม่เคอะเขิน ก็แปลว่าเชลซีได้มิดฟิลด์อีกหนึ่งคนที่พร้อมรับภาระแบบเต็มตัวในระยะยาว และถ้าพัลเมอร์กลับมาแล้วสามารถสร้างความแตกต่างทันที แม้จะลงเล่นแค่ 45–60 นาที ก็น่าจะเพียงพอจุดประกายความมั่นใจให้ทั้งตัวเขาเองและแฟนบอล
สำหรับแฟนสิงห์บลู เกมนี้จึงเต็มไปด้วย “คำถามที่ทุกคนอยากเห็นคำตอบ” ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสภาพความฟิตของเจมส์ ฟอร์มของซานโตส การคืนสนามของพัลเมอร์ หรือความกล้าในเกมรุกของการ์นาโช่และเนโต้ – และคำตอบทั้งหมดจะถูกเฉลยที่เอลแลนด์ โร้ดในค่ำคืนกลางสัปดาห์นี้
ถ้าคุณชอบวิเคราะห์ 11 ตัวจริง ก่อนแข่ง ลุ้นแท็กติก เปรียบเทียบตัวจริง–ตัวสำรอง แล้วตามดูผลจริงในสนาม ลองเพิ่มอรรถรสวันแข่งให้ลึกกว่าเดิมด้วยข้อมูล สถิติ และมุมมองแบบจัดเต็มจาก ufa365 ที่พร้อมพาคุณอินกับทุกนาทีของเกมที่เอลแลนด์ โร้ด
