แมนยูปะทะเดือดบอร์นมัธ ! “จับคอ” ดาโลต์ จุดชนวนชุลมุนยกสนาม ในเกม สกอร์ 4-4 ที่ทั้งโลกพูดถึง ufa365
ถ้าจะมีเกมพรีเมียร์ลีกสักนัดที่รวมทุกอารมณ์ของฟุตบอลไว้ในคืนเดียว เกมที่โอลด์ แทรฟฟอร์ด ระหว่างแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กับบอร์นมัธคือคำตอบแบบไม่ต้องคิดนาน สกอร์ 4-4 ว่าบ้าคลั่งแล้ว แต่สิ่งที่ทำให้เกมนี้ “เดือด” กว่าปกติ คือเหตุชุลมุนครั้งใหญ่ในครึ่งแรก เมื่อ ดิโอโก้ ดาโลต์ แบ็กของแมนยู ถูก อองตวน เซเมนโย แนวรุกบอร์นมัธ “จับคอ” ต่อหน้ากล้องถ่ายทอดสด จนผู้เล่นทั้งสองทีมกรูเข้ามาและเกิดภาพวงปะทะที่แทบจะกลายเป็นมวยหมู่เต็มรูปแบบ
เหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่เกมกำลังพีค บอร์นมัธเพิ่งตีเสมอได้สำเร็จ อารมณ์ในสนามกำลังตึง ความกดดันกำลังสูง และการปะทะเล็ก ๆ กลายเป็นไฟลามทุ่งในพริบตา สิ่งที่ตามมาคือคำถามเดียวที่แฟนบอลทั้งสองฝั่งถามพร้อมกัน “ทำไมไม่เป็นใบแดง?”
ภาพรวมเกมที่เดือดตั้งแต่สกอร์: 8 ประตู 8 อารมณ์ และเกมรับที่หลุดเป็นช่วง ๆ
ก่อนจะไปถึงจังหวะชุลมุน ต้องยอมรับว่าเกมนี้เป็นหนึ่งในแมตช์ที่ “โคตรสุด” ของฤดูกาลอยู่แล้ว ยูไนเต็ดขึ้นนำจาก อาหมัด ดิยัลโล ก่อนเซเมนโยตีเสมอให้บอร์นมัธ จากนั้นคาเซมิโรโหม่งให้เจ้าบ้านนำอีกครั้งก่อนพักครึ่ง แต่ครึ่งหลังบอร์นมัธยิงแซงจากเอวานิลสันและมาร์คัส ทาเวอร์เนียร์ ยูไนเต็ดตอบโต้ด้วยฟรีคิกของบรูโน่ แฟร์นันด์ส และประตูของมาเตอุส คุนญ่า ก่อนที่เอลี จูเนียร์ ครูปี้ จะยิงตีเสมอ 4-4 ช่วงท้ายเกม
นี่คือเกมที่ทั้งสองทีมเล่นเกมรุกแบบไม่กลัวตาย แต่ในอีกมุมหนึ่ง มันก็สะท้อน “จุดอ่อนเกมรับ” และการคุมโมเมนตัมของเกมที่ยังไม่นิ่ง โดยเฉพาะฝั่งแมนยูที่ขึ้นนำหลายครั้งแต่ปิดเกมไม่ลง
จุดปะทุ: เซเมนโย “หัวร้อน” หลังโดนดาโลต์ปะทะกลางอากาศ
เหตุการณ์เดือดเกิดขึ้นไม่นานหลังจากเซเมนโยทำประตูตีเสมอให้บอร์นมัธ เขามีจังหวะปะทะกับดาโลต์ในการแย่งบอลกลางอากาศ ซึ่งมีภาพว่าดาโลต์เหมือน “สอด/เบียด” จนเซเมนโยเสียหลักร่วงลงพื้น จากนั้นดาวเตะบอร์นมัธลุกขึ้นมาด้วยอารมณ์และเดินเข้าไปหาดาโลต์ทันที
จากภาพถ่ายทอดสดและรายงานหลังเกม หลายคนเห็นชัดว่าเซเมนโยยื่นมือไปบริเวณลำคอของดาโลต์ คล้าย “chokehold” ชั่ววินาที ก่อนจะปล่อยมือ ทำให้ผู้เล่นรอบข้าง—รวมถึงบรูโน่ แฟร์นันด์ส, เมสัน เมาท์ และเพื่อนร่วมทีมหลายคนกรูเข้ามาเกิดการปะทะเป็นวงใหญ่ ผู้ตัดสินไซมอน ฮูเปอร์ต้องรีบเข้ามาแยกและควบคุมสถานการณ์
ทำไมไม่เป็นใบแดง: “ชัดพอไหม” และ “รุนแรงระดับไหน” คือหัวใจของ VAR
แฟนบอลจำนวนมากรู้สึกว่า แค่มือไปที่คอก็ควรเป็นใบแดง เพราะเข้าข่ายพฤติกรรมรุนแรง (violent conduct) ได้ทันที และพรีเมียร์ลีกเองก็มีประวัติการแจกใบแดงในเหตุการณ์ “มือถึงคอ/หน้า” อยู่บ่อยครั้ง
แต่สำหรับ VAR และผู้ตัดสินในสนาม เกณฑ์สำคัญคือมันต้อง “ชัดเจนและรุนแรงพอ” ที่จะเปลี่ยนการตัดสินจากใบเหลืองเป็นใบแดงโดยตรง เพราะ VAR ถูกออกแบบมาเพื่อแก้ “ความผิดพลาดแบบชัดเจน” ไม่ใช่เข้าไปตัดสินแทนทุกจังหวะที่ก้ำกึ่ง
กรณีนี้จึงกลายเป็นจุดถกเถียง เพราะภาพบางมุมดูเหมือนจับคอ แต่แรงปะทะและความต่อเนื่องของการกระทำดูเหมือนจะ “แค่แตะ/จับสั้น ๆ” และมีลักษณะ “ปล่อยมือ” เร็ว ทำให้ผู้ตัดสินเลือกใช้แนวทางคุมเกมด้วยใบเหลืองทั้งคู่แทนการไล่ออก
มุมมองแกรี เนวิลล์: “เสี่ยงมากแต่สองใบเหลืองคือคำตัดสินที่ใช่”
แกรี เนวิลล์ ที่คอมเมนต์เกมให้สื่อในอังกฤษ อธิบายว่าเซเมนโยทำแบบนี้คือ “เสี่ยงมหาศาล” เพราะมันดูเหมือนพยายามจะล็อกคอ (chokehold) แต่ปล่อยมือก่อนจะบานปลาย และนี่คือเหตุผลที่เขามองว่าใบเหลืองทั้งสองฝั่งเป็นคำตัดสินที่ถูกต้องสำหรับสถานการณ์นี้
มุมมองของเนวิลล์ยังไปไกลกว่านั้น เขาเหมือนจะบอกเป็นนัยว่า “ความหัวร้อน” ของเซเมนโยเกิดจากจังหวะก่อนหน้า เพราะการปะทะของดาโลต์ตอนคู่แข่งอยู่กลางอากาศมันชวนหงุดหงิด (ในภาษาบอลบ้านเราเรียกได้ว่าแอบเล่นเหลี่ยม) ทำให้เซเมนโยตอบโต้แบบไม่ยั้งคิด—แต่โชคดีที่ยังหยุดตัวเองทัน
เหตุชุลมุนแบบนี้ กรรมการทำอะไรบ้างนอกจากแจกใบ
หลายคนเห็นแค่ตอนชูใบเหลืองแล้วคิดว่า “จบ” แต่จริง ๆ การคุมเหตุการณ์ชุลมุนคือหนึ่งในงานยากที่สุดของผู้ตัดสิน เพราะถ้าปล่อยให้ไฟลาม เกมจะเสียรูปทันที โดยเฉพาะแมตช์ที่สกอร์ไหลและอารมณ์กำลังสูง
สิ่งที่ผู้ตัดสินต้องทำพร้อมกันในเวลาไม่กี่วินาทีคือ
- แยกแกนนำของเหตุการณ์ออกจากกัน
- ระบุว่าใคร “เริ่ม” ใคร “เติมไฟ”
- สื่อสารให้ผู้เล่นรู้ว่าความรุนแรงเพิ่มขึ้นจะมีโทษหนักขึ้น
- รีเซ็ตเกมให้กลับมาเล่นต่อโดยเร็วที่สุด
ในเกมนี้ การแจกใบเหลืองทั้งดาโลต์และเซเมนโย คือการ “ตัดไฟ” ในระดับหนึ่งและส่งสัญญาณว่าเหตุการณ์ต้องหยุดตรงนี้
แล้วเกมฟุตบอลกลับมาไหลต่อได้ยังไง? คาเซมิโรโหม่งให้แมนยูนำทันทีหลังเหตุเดือด
สิ่งที่น่าสนใจคือ หลังเหตุการณ์ชุลมุนไม่นาน ยูไนเต็ดกลับมาได้ประตูขึ้นนำอีกครั้งจากคาเซมิโร ที่โหม่งจากลูกเตะมุมของบรูโน่ แฟร์นันด์ส และมีรายงานว่าผู้รักษาประตู จอร์เจ เปโตรวิช ของบอร์นมัธมีส่วนพลาดในจังหวะนี้
ประตูนี้เหมือนเป็น “ยาดับร้อน” ให้โอลด์ แทรฟฟอร์ดชั่วคราว เพราะแฟนบอลหันจากการโห่เรื่องเหตุเดือด มาเป็นการเฮกับสกอร์ที่กลับมานำ แต่ในภาพรวมมันก็ยิ่งทำให้เกมนี้เหมือนหนังที่ไม่มีฉากพักหายใจเลยแม้แต่นาทีเดียว
ความเดือดในสนามสะท้อนอะไร? เกมรับหลวม อารมณ์สูง แต้มกดดัน
เหตุชุลมุนไม่ได้เกิดขึ้นลอย ๆ มันเกิดจาก “ความเข้มข้นของเกม” และ “เดิมพันของแต้ม” ยูไนเต็ดต้องการชัยชนะเพื่อเกาะพื้นที่หัวตาราง ขณะที่บอร์นมัธต้องการแต้มเพื่อยืนระยะในลีก เกมจึงเต็มไปด้วยการปะทะและความไม่ยอมกัน
เมื่อเกมรับทั้งสองทีมมีช่วงหลุด (เสียประตูเร็ว เสียประตูจากลูกตั้งเตะ/ฟรีคิก) ความหงุดหงิดของผู้เล่นก็ยิ่งสะสม โดยเฉพาะฝั่งยูไนเต็ดที่คุมเกมได้เป็นช่วง ๆ แต่ปิดไม่ลง จึงเกิดอารมณ์แบบ “ทำไมไม่จบสักที” ซึ่งมักเป็นเชื้อเพลิงของเหตุปะทะในสนามฟุตบอล
ประเด็นนอกสนามที่แฟนบอลโยงต่อ: ข่าวย้ายทีมของเซเมนโยกับแมนยู
ในบทความต้นทางมีการตั้งคำถามด้วยว่า “ลิงก์ย้ายทีม” ของเซเมนโยกับแมนยูจะมีผลต่อการมองเหตุการณ์นี้หรือไม่ ซึ่งในโลกฟุตบอล เรารู้กันดีว่า เมื่อมีข่าวเชื่อมโยงนักเตะกับสโมสรใหญ่ เหตุการณ์ในสนามจะถูกขยายความง่ายกว่าปกติ
แฟนบอลบางส่วนอาจมองว่า “ถ้าคนนี้จะมาแมนยูจริง แล้วทำแบบนี้กับดาโลต์?” ขณะที่อีกฝั่งอาจมองว่า “นี่แหละความดุดันที่ทีมใหญ่ต้องการ” แต่ทั้งหมดนั้นคือเสียงเชียร์/เสียงแซวในโลกแฟนบอล มากกว่าข้อเท็จจริงของการตัดสินในสนาม
อีกประเด็นใหญ่ของแมนยู: AFCON กำลังมา และทีมอาจเสียกำลังหลักหลายคน
นอกจากดราม่าใบแดง เกมนี้ยังมีเงื่อนไขสำคัญที่กระทบแมนยูต่อจากนี้คือ แอฟริกา คัพ ออฟ เนชันส์ (AFCON) ที่ทำให้ผู้เล่นบางรายต้องไปรับใช้ทีมชาติ และมีรายงานว่า อาหมัด ดิยัลโล และไบรอัน เอ็มเบวโม รวมถึงนุสแซร์ มาซราวี อาจหายไปจากทีมในช่วงถัดไป ซึ่งยิ่งทำให้การเก็บแต้มในช่วงนี้สำคัญขึ้นกว่าเดิม
เมื่อทีมกำลังอยู่ในช่วงต้อง “สร้างความสม่ำเสมอ” การเสียผู้เล่นสำคัญพร้อมกันหลายรายย่อมทำให้รูเบน อโมริมต้องบริหารทีมอย่างละเอียดกว่าเดิม และเกมที่แต้มหลุดมือแบบ 4-4 ยิ่งเจ็บหนักเป็นพิเศษ
บทสรุป: ใบเหลืองอาจจบในสนาม แต่ประเด็น “จับคอ” ไม่จบง่ายบนโซเชียล
สุดท้าย เหตุชุลมุนที่ดาโลต์ถูกจับคอจะถูกจดจำไปพร้อมกับสกอร์ 4-4 เพราะมันเป็น “ฉาก” ที่เปลี่ยนอุณหภูมิของเกมทันที และทำให้คนดูถกเถียงเรื่องมาตรฐานการให้ใบแดงของพรีเมียร์ลีกอีกครั้ง
สำหรับฝ่ายผู้ตัดสินและผู้วิเคราะห์อย่างเนวิลล์ เหตุผลคือมัน “เสี่ยงมาก” แต่ “ไม่ชัดพอ” หรือ “ไม่รุนแรงพอ” สำหรับใบแดงโดยตรง จึงจบที่ใบเหลืองคู่
แต่สำหรับแฟนบอล โดยเฉพาะแฟนทีมที่รู้สึกเสียเปรียบ คำว่า “ไม่ชัดพอ” มักไม่เคยพออยู่แล้ว และนั่นคือเสน่ห์ และความปวดหัว ของฟุตบอลยุค VAR
ติดตามทุกดราม่าลูกหนังแบบทันเหตุการณ์ พร้อมบทวิเคราะห์เข้ม ๆ ที่อ่านแล้วเห็นภาพเหมือนอยู่ขอบสนามได้ที่ ufa365 เกมมันส์อาจจบใน 90 นาที แต่เรื่องให้คุยกันทั้งสัปดาห์เริ่มที่ ufa365 เลยค่ะ
